วันอาทิตย์ที่ 20 พฤศจิกายน พ.ศ. 2559

วัดพระบาทปู่ผาแดง ลำปาง


 เรียกได้ว่าเป็นอีกหนึ่งแหล่งท่องเที่ยวสุดอันซีนที่มีชื่อเสียงและน่าไปมากก็ว่าได้ สำหรับ "วัดพระบาทปู่ผาแดง" หรือ "วัดเฉลิมพระเกียรติพระจอมเกล้าราชานุสรณ์" จังหวัดลำปาง สวรรค์บนดินที่นักท่องเที่ยวทุกคนต่างยกย่องให้เป็น 1 ใน Unseen Thailand วันนี้จึงขอหยิบเอา 8 เรื่องน่ารู้ของสถานที่ท่องเที่ยวสุดฮอตแห่งนี้มาแนะนำให้เพื่อน ๆ ได้ชมกันค่ะ


1. วัดพระบาทปู่ผาแดง
        "วัดพระบาทปู่ผาแดง" ชื่อทางการคือ "วัดเฉลิมพระเกียรติพระจอมเกล้าราชานุสรณ์"หรือที่ชาวบ้านเรียก "ดอยปู่ยักษ์" ตามชื่อสถานที่ตั้งของวัด ที่ตั้งอยู่ในหมู่บ้านทุ่งทอง หมู่ที่ 7 อำเภอแจ้ห่ม จังหวัดลำปาง ปัจจุบันมี พระครูสังวรศีลคุณ เป็นเจ้าอาวาสวัดพระพุทธบาทปู่ผาแดง


2. ที่ตั้งของวัดพระบาทปู่ผาแดง
        ตัวศาลาของวัดและเจดีย์ต่าง ๆ ซึ่งมีความสูง 815 เมตร จากระดับน้ำทะเล และตั้งอยู่ภายในพื้นที่เขตห้ามล่าสัตว์ป่าดอยพระบาท


3. สวยงามแบบอลังการในมุม Bird Eye View
        ยอดเขาวัดพระบาทปู่ผาแดงมีความสวยงามแบบอลังการในมุมสูง หรือ Bird Eye View สำหรับนักท่องเที่ยวที่ชื่นชอบการถ่ายภาพมักจะเก็บความสวยงามของวัดจากมุมสูง เช่น การถ่ายจาก เฮลิคอปเตอร์, ใช้โดรนในการถ่ายภาพ-วิดีโอ รวมทั้งสามารถเก็บภาพความสวยงามระหว่างยอดเขาได้ดีอีกด้วย



4. เจดีย์บนยอดเขาเกิดจากแรงศรัทธาของชาวบ้าน
        เจดีย์ประดิษฐานอยู่บนยอดเขามากกว่า 10 องค์ ภายในบรรจุไปด้วยสิ่งศักดิ์สิทธิ์ ที่สร้างด้วยแรงศรัทธาของพระสงฆ์และชาวบ้าน ซึ่งใช้เวลาก่อสร้างยาวนานนับ 10 ปี


5. พบรอยพระพุทธบาท
        มีรอยพระพุทธบาทตั้งอยู่บริเวณหน้าผาบนยอดเขาสูง ซึ่งการเดินทางขึ้นไปสักการะนั้นเส้นทางมีเพียงบันไดไม้และใช้สองมือช่วยพยุงตัวแล้วค่อย ๆ ปีนขึ้นไปยังที่ตั้งของรอยพระพุทธบาทเท่านั้น ซึ่งเป็นเส้นทางที่ยากลำบากและอันตรายมากเลยทีเดียว ทางวัดจึงไม่อนุญาตให้ขึ้นไปบริเวณรอยพระพุทธบาท



6. ชมวิวกว้าง 360 องศา
        บนจุดสูงสุดของวัดพระบาทปู่ผาแดงคือจุดชมวิวที่สวยที่สุด สามารถเก็บภาพความงามได้ 360 องศา ซึ่งเบื้องล่างสามารถมองเห็นตัวอำเภอแจ้ห่ม และแม่น้ำสายเล็กขนานไปกับท้องนาสีเขียวได้อย่างสวยงาม รวมทั้งยังมีแหล่งท่องเที่ยวที่น่าสนใจหลายแห่ง เช่น ถ้ำผาสวรรค์, ปล่องลมมหัศจรรย์, มีลายหินงามเตาหินปูนแบบโบราณ และบริเวณเดียวกันนั้นจะมีเมืองโบราณที่ชื่อว่าเมืองวิเชตนครอยู่บริเวณใกล้เคียงอีกด้วย


7. ต้องเดินเท้าขึ้นไปชมความสวยงามของสวรรค์บนดิน
        การเดินทางขึ้นไปวัดมีเส้นทางเดียวเท่านั้น คือการเดินเท้าจากบริเวณจุดพักรถดอยผาหมอก (ชั้นสองของวัด) ขึ้นไปถึงยอดมีระยะทาง 1 กิโลเมตร ซึ่งลักษณะเส้นทางมีทั้งทางเดินธรรมดา ลัดเลาะตามป่า สลับกับบันไดเหล็กที่มีความแข็งแรงในบริเวณโขดหินที่มีความชัน ระหว่างทางจะได้เจอกับความสวยงามของธรรมชาติที่อุดมสมบูรณ์มากมาย จนไปถึงชั้นสามที่เป็นที่ตั้งของเจดีย์


8. การเดินทางเข้าไปวัดพระบาทปู่ผาแดง
        สำหรับการเดินทางมาที่วัดพระบาทปู่ผาแดงนั้นนักท่องเที่ยวสามารถนำรถเข้ามาจอดได้ใกล้ที่สุดเพียงชั้น 1 ซึ่งเป็นชั้นที่ประดิษฐานเจดีย์ทองของวัด และต้องใช้รถที่มีระบบขับเคลื่อน 4 ล้อ และคนขับรถที่มีความชำนาญในเส้นทาง พาขึ้นไปบริเวณชั้นสองของวัดจากนั้นต้องเดินทางต่อไปอีก 1 กิโลเมตร












กิ่วแม่ปาน ดอยอินทนนท์


เมื่อย่างเข้าสู่ฤดูหนาว หลายคนคงเตรียมตัววางแผนที่จะเดินทางท่องเที่ยว และสถานที่ท่องเที่ยวที่ผู้คนนึกถึงเป็นอันดับต้นๆ ของการท่องเที่ยวช่วงฤดูหนาวคงจะเป็นภาคเหนือ เนื่องจากในฤดูหนาว ทางภาคเหนือจะมีอากาศหนาวเย็น เหมาะแก่การเดินทางไปท่องเที่ยวเป็นที่สุด


ถ้าพูดถึงสถานที่ท่องเที่ยวยอดฮิตในฤดูหนาว เชื่อได้ว่าหนึ่งในสถานที่ท่องเที่ยวที่นักท่องเที่ยวนิยมไปในช่วงฤดูหนาว ต้องมีชื่อของ “อุทยานแห่งชาติดอยอินทนนท์” หรือ “ดอยอินทนนท์” จังหวัดเชียงใหม่ ซึ่งเป็นจุดสูงสุดของประเทศไทย มีป้าย “สูงสุดแดนสยาม” มีความสูง 2,565 เมตร เหนือระดับน้ำทะเล เป็นจุดเด่นที่ใครๆ ที่เดินทางมายังดอยอินทนนท์ต้องมาแชะภาพถ่ายรูปคู่สักครั้ง


 แต่ไม่ใช่เพียงจุดสูงสุดของดอยอินทนนท์เท่านั้น ที่เป็นจุดดึงดูดนักท่องเที่ยวให้ขึ้นมาเที่ยวชม ที่นี่ยังมีจุดเที่ยวอื่นๆ ที่น่าสนใจอีกมากมาย ซึ่งหากใครที่ชื่นชอบธรรมชาติต้องไม่พลาดกับการมาเดิน “เส้นทางศึกษาธรรมชาติกิ่วแม่ปาน” ตั้งอยู่ กม.ที่ 42 ของถนนสายจอมทอง-ยอดดอยอินทนนท์ ใกล้กับพระมหาธาตุนภเมทนีดล และพระมหาธาตุนภพลภูมิสิริ โดยเส้นทางจะตัดผ่านผืนป่าเขาริมหน้าผาราว 3 กิโลเมตร ซึ่งใช้เวลาในการเดินประมาณ 2-3 ชั่วโมง


เส้นทางศึกษาธรรมชาติกิ่วแม่ปาน อยู่ที่ระดับความสูงประมาณ 2,000 เมตร จากระดับน้ำทะเล เส้นทางในช่วงแรกจะเดินผ่านป่าดิบเขา ซึ่งอุดมไปด้วยต้นไม้สูงใหญ่ โอบล้อมด้วยมอสและเฟิร์นนานาชนิด จากนั้นเดินขึ้นไปจะทะลุยังทุ่งหญ้าสีทองโล่งกว้างดูสวยงามสบายตา เมื่อพ้นจากทุ่งหญ้าสีทองจะเป็นจุดชมวิวที่มองเห็นทัศนียภาพเบื้องล่างอย่างชัดเจน หากมาในช่วงที่มีหมอกก็จะมองไปเห็นทะเลหมอกกว้างใหญ่สวยงามทีเดียว



ถัดจากจุดชมวิวไปจะเป็นทางเดินเลียบไปตามสันเขาเลียบหน้าผา มีความกว้างประมาณ 1 เมตร ซึ่งจะสามารถเดินได้เพียงคนเดียว จึงเป็นที่มาของชื่อ “กิ่วแม่ปาน” ระหว่างทางจะมีต้นไม้น้อยใหญ่ให้ชมอย่างเพลิดเพลิน นอกจากนี้แล้วจุดเด่นอีกอย่างหนึ่งที่สันเขานี้จะมี “ต้นกุหลาบพันปี” สีแดงสด ออกดอกให้ได้ชื่นชมกันในช่วงฤดูหนาว และถ้าหากโชคดีอาจได้เห็นกวางผา (เป็นสัตว์สงวนหายากที่ใกล้สูญพันธุ์) ตามริมหน้าผาแห่งนี้ด้วย และเมื่อผ่านพ้นสันเขาไปแล้วจะเป็นจุดสุดท้าย (ทางเดินกลับ) จะเดินเข้าสู่ป่าดิบชื้นอีกครั้ง ผ่านลำน้ำหลายจุด ทางเดินจะเป็นทางเดินขึ้นและลงสลับกันไป ระหว่างทางจะมีต้นไม้และดอกไม้รูปร่างแปลกตาให้ชมอย่างเพลิดเพลิน



 หากฤดูหนาวนี้ใครกำลังวางแผนจะมาเที่ยวดอยอินทนนท์ ก็ลองแวะมาเดินชมธรรมชาติกันที่ “เส้นทางศึกษาธรรมชาติกิ่วแม่ปาน” กันได้ นอกจากจะได้สัมผัสอากาศที่หนาวเย็นแล้ว ยังเดินชมธรรมชาติ ดูดอกกุหลาบพันปี ท่ามกลางบรรยากาศธรรมชาติที่งดงามยิ่งนัก

อุทยานแห่งชาติดอยอินทนนท์ โทร.0-5335-5728, 0-5331-1608



มอหินขาว ชัยภูมิ


สวัสดีค่ะ บล็อคที่ 8 กันเเล้วนะค่ะ วันนี้พาไปเที่ยวภาคอีสานกันค่ะ ที่จ.ชัยภูมิ 
อหินขาว เป็นอีกแหล่งท่องเที่ยวหนึ่งที่ถือว่ามีความงดงามทางธรรมชาติไม่แพ้ทุ่งดอกกระเจียวงาม ซึ่งตั้งอยู่ใน เขตอุทยานแห่งชาติภูแลนคา บริเวณบ้านวังคำแคน หมู่ 9 ตำบลท่าหินโงม อำเภอเมือง จังหวัดชัยภูมิเดิมพื้นที่ แถวนี้ เป็นป่า ต่อมาได้มีคนมาบุกเบิกทำไร่และก็เห็นมีก้อนหินขนาดใหญ่อยู่ทั่วไปแต่ ก็ไม่ได้สนใจอะไร ที่ไร่ มันสำปะหลัง (ในสมัยนั้น) แต่จากเสียงบอกเล่า มีคนเคยเห็นว่าแปลกประหลาดมาก ก็คือก้อนหินใหญ่ 5 ก้อน ที่ในทุกคืนวันพระ (15 ค่ำ, 8 ค่ำ) จะมีแสง สีขาวส่องขึ้นมา คนเฒ่าคนแก่สมัยนั้น เลยเรียกที่นี่ว่า มอหินขาว



มอหินขาว สโตนเฮนจ์เมืองไทย“เสาหินและแท่งหิน ที่มอหินขาว ส่วนใหญ่ เป็นหินทรายสีขาว นอกจากนี้ก็ยังมี หินทรายแป้ง หินโคลน หินทรายสีม่วง หากมาท่องเที่ยวในฤดูฝน นอกจากนักท่องเที่ยว จะได้ พบเห็น ประติมา้กรรมทางธรรมชาติที่สวยงามของเสาหินแล้ว ยังได้พบดอกไม้ป่าที่บ้านสะพรั่งอยู่ทั่วมอหินขาวดูแล้ว เป็นภาพที่ สวยงามและน่าชมนัก  หากคุณได้เข้ามาสัมผัสมนต์เสน่ห์แห่งป่าเขาที่นี่แล้วจะชวนคุณหลงใหลมิรู้ลืมจน”มอหินขาว” แห่งนี้เคย ได้รับการคัดเลือกให้เป็นสถานที่ถ่ายทำภาพยนตร์ของท่านมุ้ย เรื่องพระนเรศวรมหาราช มาแล้ว นี่คืออีกหนึ่งความท้าทายของ นักแคมป์ปิ้งไม่ควรพลาดได้มาพิสูจน์กัน



มอหินขาว มีกลุ่มหินอยู่หลายแห่งด้วยกัน เมื่อเรามาถึงมอหินขาว  ก็จะถึง กลุ่มหินชุดแรก คือ “เสาหิน 5 ต้น” เป็นหินที่มีความสูง ประมาณ 12 เมตร จำนวนหนึ่งใน 5 มีต้นหนึ่งที่มีขนาดใหญ่ขนาด 22 คนโอบ เสาหิน 5 ต้นนี้นับเป็น เสาหินที่เด่นที่สุด และเป็น ไฮไลต์ของการมาเที่ยวมอหินขาว



สอบถามรายละเอียดได้ที่ อุทยานแห่งชาติภูแลนคา โทร. 044810902-3 หรือกรมอุทยานแห่งชาติ สัตว์ป่า และพันธุ์พืช โทร.025620760









วันพุธที่ 12 ตุลาคม พ.ศ. 2559

หล่มภูเขียว ลำปาง


     “หล่มภูเขียว” เป็นแหล่งท่องเที่ยวทางธรรมชาติอยู่ในเขตอุทยานแห่งชาติถ้ำผาไท ในพื้นที่หมู่ที่ 6 ตำบลบ้านอ้อน อำเภองาว จังหวัดลำปาง มีลักษณะเป็นแหล่งน้ำขนาดใหญ่ เนื้อที่ราว 1-2 ไร่ มีความลึกมากจนมองเห็นเป็นสีเขียวมรกตสวยงาม


 ความลึกนั้นไม่สามารถระบุได้ สันนิษฐานว่าแอ่งแห่งนี้เกิดจากการยุบตัวของเปลือกโลกในสมัยดึกดำบรรพ์ หรืออาจเกิดจากการยุบตัวของหินปูนซึ่งเคยเป็นเพดานถ้ำมาก่อน แล้วจมลงใต้น้ำ เรียกว่าหลุมยุบ (Sink Hole) ต่อมาจึงกลายเป็นแหล่งรับน้ำ และมีปลาอาศัยอยู่เป็นจำนวนมาก 



     ธรรมชาติโดยรอบหล่มภูเขียวเป็นป่าดิบแล้ง มีสัตว์ป่าอาศัยอยู่เป็นจำนวนมาก ชาวบ้านได้เดินป่าเข้ามาพบแหล่งน้ำสีเขียวมรกตอยู่ภายใต้หุบเขาดังกล่าว จึงเรียกชื่อว่า "หล่มภูเขียว" ส่วนหุบเขาอีกแห่งหนึ่งที่อยู่ตรงข้ามกันแต่ไม่มีน้ำ เรียกว่า "หล่มแล้ง" ชาวบ้านเชื่อว่าหล่มภูเขียวเป็นแหล่งน้ำศักดิ์สิทธิ์ มีพญางูใหญ่อาศัยอยู่ จึงได้ทำพิธีบูชาน้ำเป็นประจำทุกปี



    บริเวณโดยรอบหล่มภูเขียวล้อมรอบไปด้วยผาหินปูนสูงชัน มีความร่มรื่นจากต้นไม้ใหญ่โดยรอบ บรรยากาศของป่าเขาอันเงียบสงบผสมกับความเรียบนิ่งของผิวน้ำสีเขียวมรกตที่ลึกจนไม่สามารถหยั่งถึงนี้ ทำให้เกิดความงดงามอันลึกลับ สะกดสายตาของผู้ที่ได้มาเยือน 


   สำหรับนักท่องเที่ยวที่ต้องการเดินทางมาชมความงามอันลึกลับของหล่มภูเขียว มีข้อแนะนำและข้อห้ามก็คือควรให้ความเคารพสถานที่ ไม่ทิ้งขยะ ไม่จับปลา ไม่นำปลามาปล่อย และไม่ให้อาหารปลา เนื่องจากจะทำให้น้ำเน่าเสีย ไม่นำเท้าลงไปแช่ในน้ำ ไม่ลงเล่นน้ำ และไม่ทำลายป่า
       

ผู้ที่สนใจจะเดินทางไปท่องเที่ยวสามารถสอบถามรายละเอียดได้ที่
 อุทยานแห่งชาติถ้ำผาไท โทร. 08-3203- 7330, 0-5422-0364 
หรือสอบถามรายละเอียดเกี่ยวกับการท่องเที่ยวในจังหวัดลำปางได้ที่ 
ททท.สำนักงานเชียงใหม่ (ดูแลพื้นที่เชียงใหม่ ลำพูน ลำปาง) โทร. 0-5324-8604-5 








ทะเลแหวก กระบี่


   
     ทะเลแหวก อีกหนึ่งสถานที่ท่องเที่ยวสุด Unseen Thailand ความภูมิใจของชาวกระบี่ที่มีจุดสวยงามอย่าง มหัศจรรย์ ที่เราสามารถเดินเหยียบทรายขาวละเอียด จากเกาะหนึ่งไปยังอีกเกาะหนึ่งได้เวลาน้ำลด ทะเลแหวกเกิดจาก สันทรายจากเกาะสามเกาะ คือเกาะไก่ เกาะหม้อ เกาะทับ ทั้งสามเกาะนี้เป็น3 เกาะเด่นที่อยู่ใน หมู่เกาะปอดะ



     ซึ่งตั้งอยู่ใกล้ๆกัน มีสันฐาณติดกันเมื่อคลื่นพัดทรายมาพบกันที่จุดนี้จึงทำให้เกิดเป็น แนวสันทราย เชื่อมเกาะทั้งสามเกาะนี้ให้ถึงกัน สันทรายนี้จะจมหายไปเมื่อน้ำขึ้นสูง เมื่อน้ำลดแนวสันทรายก็จะค่อยๆ โผล่ขึ้นมา เหมือนกับว่าแบ่งทะเลให้้แยกออกกันเป็นสามส่วน สันทรายจะโผล่ในช่วงที่น้ำทะเลลดต่ำสุด 



    แต่ถึงแม้ว่าสันทราย จะไม่โผล่เราก็สามารถเดินเล่น ได้ หาดทรายของทะเลแหวกนี้ขาวสะอาดน่าเล่นน้ำ การท่องเที่ยวทะเลแหวกจะนิยมท่องเที่ยวทั้งหมด 4 เกาะ คือเกาะไก่ เกาะทับ เกาะหม้อ เกาะปอดะ ซึ่งสามารถเที่ยวได้ใน 1 วัน



   จุดเด่น ของการเที่ยวชมทะเลจะแหวกคือการมาชมวิว ถ่ายภาพ ควรหลีกเลี่ยงการมาเที่ยวในช่วงวันหยุดเทศกาล ทะเลแหวกจะมีคนเยอะเดินกันจนแน่นไปหมด ถ้าจะมาชมทะเลแหวกให้ประทับใจควรเลือกมาใน ช่วงวันหยุด ธรรมดานอก จากชมวิวถ่ายภาพทะเลแหวกแล้วที่นี่ยังเป็นอีกชายหาดหนึ่งที่น่าลงเล่นน้ำเพราะ มีแนวหาดทราย กว้าง น้ำใส ปลาเยอะ แต่ถ้าจะมาเล่นน้ำก็แนะนำให้มาในช่วงวันหยุดธรรมดา(เสาร์-อาทิตย์)